5 เส้นทางกับการเที่ยวภาคอีสาน

5 เส้นทางกับการเที่ยวภาคอีสาน :ที่เที่ยวยอดนิยมในภาคอีสาน

 

ภาคอีสาน ดินแดนที่ราบสูงอันกว้างใหญ่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มิได้มีเพียงภาพจำของความแห้งแล้ง หากแต่ซุกซ่อนไว้ซึ่งมนต์เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ที่รอคอยการค้นพบ ตั้งแต่ร่องรอยอารยธรรมโบราณที่ฝังลึกในผืนดิน วิถีชีวิตอันเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยน้ำใจไมตรี ไปจนถึงเทศกาลและประเพณีอันสนุกสนานและมีสีสัน

หนึ่งในความน่าสนใจอันโดดเด่นของภาคอีสานคือ ร่องรอยแห่งอดีตกาลอันรุ่งเรือง ปราสาทหินขอมโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งนาและป่าเขา เช่น ปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ เป็นประจักษ์พยานถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรขอมในอดีต สถาปัตยกรรมอันวิจิตรบรรจงและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในกำแพงหินเหล่านี้ ดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วสารทิศมาสัมผัสและเรียนรู้

นอกเหนือจากโบราณสถานอันทรงคุณค่าแล้ว วัฒนธรรมและประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ภาษาอีสานที่มีท่วงทำนองอันไพเราะ อาหารรสชาติจัดจ้านที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วประเทศ เช่น ส้มตำ ลาบ น้ำตก และไก่ย่างเขาสวนกวาง ศิลปะการแสดงพื้นบ้านอย่างหมอลำ ที่มีการขับร้องและบรรเลงดนตรีด้วยเครื่องดนตรีเฉพาะถิ่น สร้างความสนุกสนานและเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

เส้นทางที่ 1: ถ้ำนาคา

ถ้ำนาคา แหล่งท่องเที่ยว Unseen Thailand อันโด่งดัง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดบึงกาฬ สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้มาเยือนคือ ลวดลายอันน่าอัศจรรย์บนผนังและเพดานถ้ำ ซึ่งมีลักษณะคล้ายเกล็ดพญานาคขนาดใหญ่ บางส่วนมีรูปร่างคล้ายศีรษะและลำตัวของงูใหญ่ สร้างความตื่นตาตื่นใจและกระตุ้นจินตนาการถึงตำนานพญานาคที่เล่าขานกันมา

ความพิเศษของลวดลายเหล่านี้เกิดจากการ กัดเซาะของน้ำและลม บนชั้นหินทรายเป็นเวลานับล้านปี ทำให้เกิดริ้วรอยและร่องลึกที่ดูคล้ายเกล็ดปลาหรือเกล็ดงูอย่างน่าประหลาดใจ ภายในถ้ำยังมีหินรูปร่างแปลกตาอื่นๆ เช่น หินรูปหัวใจ และหินที่มีลวดลายคล้ายตา

การเดินทางสู่ถ้ำนาคาต้อง เดินเท้าขึ้นเขา ผ่านเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามและท้าทาย เมื่อได้ยลโฉมความงามภายในถ้ำแล้ว ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางจะหายเป็นปลิดทิ้ง ด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างสรรค์ลวดลายอันน่าทึ่งนี้ ถ้ำนาคาจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและความลี้ลับแห่งตำนาน

ขึ้นชื่อว่าภาคอีสานที่เที่ยวยอดนิยมต้องยกให้สถานที่กราบไหว้อันศักดิ์สิทธิ์ พร้อมวิวสวยที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอย่างถ้ำนาคา เชื่อกันว่าต้องการสิ่งใดหวังสิ่งใดให้ตั้งจิตอธิษฐานขอ ด้วยใจสื่อถึง จะทำให้คำขอนั้นเป็นจริง

เส้นทางที่ 2: คำชะโนด

คำชะโนด หรือ วังนาคินทร์คำชะโนด ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นผืนป่าที่มีลักษณะเป็นเกาะกลางน้ำอันเกิดจากการทับถมของซากพืชเป็นเวลานาน มีต้นชะโนดขึ้นอยู่หนาแน่น ซึ่งเป็นพืชหายากในประเทศไทย

สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญในตำนานพื้นบ้านของภาคอีสาน โดยเชื่อว่าเป็น ประตูสู่เมืองบาดาล และเป็นที่สถิตของ พญานาคราชปู่ศรีสุทโธ และ แม่ย่าศรีปทุมมา ผู้เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว

ด้วยความเชื่อและความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมา กราบไหว้ขอพร โดยเฉพาะเรื่องโชคลาภและหน้าที่การงาน บรรยากาศภายในคำชะโนดมีความเงียบสงบและร่มรื่น ต้นชะโนดสูงตระหง่านสร้างความรู้สึกถึงความลี้ลับและความศักดิ์สิทธิ์ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์กลางเกาะก็เป็นอีกจุดที่ผู้คนนิยมไปดื่มกินและนำกลับบ้านด้วยความเชื่อในสรรพคุณ

คำชะโนดจึงเป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็น ศูนย์รวมแห่งศรัทธา ที่ผสานความเชื่อ ตำนาน และธรรมชาติเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ดึงดูดผู้คนด้วยความหวังและแรงศรัทธาในพญานาคราช

เส้นทางที่ 3: จุดชมวิวหินสามวาฬ

ณ อุทยานแห่งชาติภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ ซุกซ่อนความอัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า “หินสามวาฬ” กลุ่มหินทรายขนาดใหญ่ 3 ก้อน วางเรียงรายกันบนหน้าผาสูง มองจากระยะไกลคล้ายครอบครัววาฬ พ่อ แม่ ลูก กำลังแหวกว่ายอยู่ในผืนป่าอันกว้างใหญ่

ความโดดเด่นของหินสามวาฬไม่ได้มีเพียงรูปร่างที่แปลกตา แต่ยังเป็น จุดชมวิวที่งดงามตระการตา สามารถมองเห็นทัศนียภาพของป่าภูสิงห์อันอุดมสมบูรณ์ แม่น้ำโขงที่ทอดยาว และขุนเขาเขียวขจีของประเทศลาวได้อย่างสุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะในช่วงเช้าตรู่ จะได้สัมผัสกับภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สาดส่องแสงสีทองอร่ามไปทั่วท้องฟ้าและผืนป่า เป็นภาพที่สร้างความประทับใจมิรู้ลืม

การเดินทางสู่จุดชมวิวหินสามวาฬเป็นการ ผจญภัยเล็กๆ ต้องนั่งรถกระบะของชุมชนขึ้นไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวและลาดชัน เมื่อถึงจุดจอดแล้ว จะต้องเดินเท้าต่อไปอีกเล็กน้อยตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ร่มรื่น

หินสามวาฬจึงเป็นมากกว่าแค่จุดชมวิว แต่เป็น ประติมากรรมธรรมชาติ ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากพลังแห่งกาลเวลาและการกัดเซาะของลมและฝน เป็นอีกหนึ่งUnseen Thailand ที่ควรค่าแก่การมาเยือน เพื่อสัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามแห่งภูสิงห์

เส้นทางที่ 4: พญาศรีสัตตนาคราช

ริมฝั่งแม่น้ำโขงอันศักดิ์สิทธิ์ ในจังหวัดนครพนม อีกหนึ่งที่เที่ยวภาคอีสาน ประดิษฐาน พญาศรีสัตตนาคราช ประติมากรรมพญานาค 7 เศียรขนาดใหญ่ สง่างามและน่าเกรงขาม สร้างจากทองเหลืองอร่าม เหลืองเรืองรอง สะท้อนแสงอาทิตย์ยามต้องกระทบ เป็นแลนด์มาร์คสำคัญและเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างยิ่งของผู้คนสองฝั่งโขง

ตามตำนานและความเชื่อ พญาศรีสัตตนาคราชเป็น พญานาคผู้ยิ่งใหญ่แห่งลุ่มน้ำโขง มีความใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนาและเปี่ยมด้วยคุณธรรม เชื่อกันว่าเป็นผู้ปกปักษ์รักษาคุ้มครองผู้คนในแถบลุ่มน้ำโขงให้มีความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรือง ด้วยลักษณะเด่นที่มีถึงเจ็ดเศียร ทำให้พญาศรีสัตตนาคราชเป็นที่จดจำและแตกต่างจากพญานาคองค์อื่นๆ

ผู้คนจากทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลมา สักการะบูชาและขอพร พญาศรีสัตตนาคราช ด้วยความเชื่อว่าจะประทานโชคลาภ ความสำเร็จในหน้าที่การงาน และความเป็นสิริมงคลในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ศรัทธาในองค์พญานาคจะให้ความเคารพและศรัทธาต่อพญาศรีสัตตนาคราชเป็นอย่างมาก

บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราชมักจะคึกคักไปด้วยผู้คน ที่มาด้วยใจศรัทธา บ้างก็มาแก้บนด้วยการร่ายรำ บ้างก็นำเครื่องสักการะมาถวาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความเลื่อมใสและความหวัง พญาศรีสัตตนาคราชจึงมิได้เป็นเพียงแค่ประติมากรรมที่สวยงาม แต่เป็น ศูนย์รวมจิตใจ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาอันแรงกล้าของชาวนครพนมและผู้เลื่อมใสในพญานาคทั่วทุกสารทิศ

เส้นทางที่ 5: พระธาตุพนม

พระธาตุพนม ประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดดเด่นด้วย เจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมสูงสง่า ก่อด้วยอิฐเผา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ราวพุทธศตวรรษที่ 8 เพื่อบรรจุ พระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ตลอดหลายศตวรรษ พระธาตุพนมได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง ทำให้ปรากฏ ศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ผสมผสาน ทั้งรูปแบบดั้งเดิมที่อาจมีอิทธิพลจากศิลปะจาม และรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลจากล้านช้างและอยุธยา โดยเฉพาะลักษณะ บัวเหลี่ยมทรงสูง ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเจดีย์ในศิลปะล้านช้าง

พระธาตุพนมมิได้เป็นเพียงโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะ แต่ยังเป็น ศูนย์รวมจิตใจและความศรัทธา ของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวลาว เชื่อกันว่าเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ หากได้มาสักการะและถวายเครื่องบูชา จะได้รับอานิสงส์และเป็นสิริมงคลในชีวิต นอกจากนี้ยังเป็น พระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอก และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมานมัสการอย่างเนืองแน่นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงงานนมัสการพระธาตุพนมในเดือนสามของทุกปี