- ดูไบ – แฟรงก์เฟิร์ต – มิวนิค– ปราสาทนอยชวานสไตน์ – อินส์บรูก– เกาะเวนิส
- จัตุรัสซานมาร์โค – เมสเต้ – เวโรน่า– มิลาน – มหาวิหารดูโอโม่ – เบอร์กาโม
- ทิราโน่ –ขึ้นรถไฟสายโรแมนติค Bernina Express -ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขาดิอาโวเลซซา
- เซ้นต์ มอริทซ์ – ซุก– ลูเซิร์น – น้ำตกไรน์ – ซูริค
17.00 น. | คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 8 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก |
20.20 น. | ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 373 |
00.35 น. | เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง |
03.20 น. | ออกเดินทางสู่แฟรงค์เฟิร์ตด้วยเที่ยวบิน EK43 |
07.35 น. | ถึงสนามบินแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 6 ชั่วโมงในวันที่ 29 ตุลาคม 2566) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและพาณิชย์ที่สำคัญของเยอรมนี รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการธนาคารการเงินและการค้าหุ้นที่สำคัญของประเทศ ผ่านชมสถานีรถไฟแฟรงค์เฟิร์ต ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานีรถไฟต้นแบบของหัวลำโพงประเทศไทย ครั้งเมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 นำเที่ยวชมจัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ด้านข้างก็คือ THE ROMER หรือ Frankfurt City Hall หรือศาลาว่าการเมือง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสโรเมอร์ มีเวลาให้ท่านเดินเล่นย่านถนน ZEIL ที่มีห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยและร้านค้ามากมายให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าแฟชั่นนำ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองมิวนิค (Munich) อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ โดยรัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ นำชมจัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร |
ค่ำ | อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม |
นำท่านเดินทางสู่เมืองโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau) เมืองเล็กๆที่สวยงามบริเวณเขตชายแดนของประเทศเยอรมนีและออสเตรีย นำท่านเข้าชมความสวยงามของปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) นำชมต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์ ซึ่งปราสาทนอยชวานสไตน์ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาดุจปราสาทในเทพนิยาย ซึ่งเป็นปราสาทของพระเจ้าลุดวิคที่ 2 หรือ เจ้าชายหงส์ขาว ชมความวิจิตรพิสดารของห้องต่างๆ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามด้วยการออกแบบของริชาร์ด ว้ากเนอร์ ซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงที่ทรงโปรดปรานยิ่ง | |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (ขาหมูเยอรมัน) |
บ่าย | ออกเดินทางต่อสู่เมืองอินส์บรูค (Innsbruck) เป็นเมืองหลวงของแคว้น ทีโรล เป็นเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิน ซึ่งคำว่าอินส์บรูคนั้น แปลว่า สะพานแห่งแม่น้ำอิน มีลักษณะแคบๆแทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์ ชมหลังคาทองคำ(Golden Roof) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองอินส์บรูค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ Friedrich ที่ 4 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 สำหรับเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นทิโรล |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม |
นำท่านเดินทางสู่เมืองเวนิส (Venice Mestre) ฝั่งแผ่นดินใหญ่ เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต เวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริก เป็นเมืองท่าโบราณ และเป็นเมืองที่ใช้คลองในการคมนาคมมากที่สุด | |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทาง สู่ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส ชมสะพานถอนหายใจ ( Bridge of Sighs) ที่มีเรื่องราวน่าสนใจในอดีต เมื่อนักโทษที่เดินออกจากห้องพิพากษาไปสู่คุกจะได้มีโอกาสเห็นแสงสว่างและโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเดินผ่านช่องหน้าต่างที่สะพานนี้ ซึ่งเชื่อมต่อกับวังดอดจ์ (Doge’s Palace) อันเป็นสถานที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต ซึ่งนักโทษชื่อดังที่เคยเดินผ่านสะพานนี้มาเเล้วคือ คาสโนว่านั่นเอง นำท่านถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) ที่นโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป” จัตุรัสถูกล้อมรอบด้วยอาเขตอันงดงาม รวมทั้งโบสถ์ซานมาร์โค (St.Mark’s Bacilica) ที่มีโดมใหญ่ 5 โดม ตามแบบศิลปะไบแซนไทน์ จากนั้นอิสระให้ท่านได้มีเวลาเที่ยวชมเกาะอันแสนโรแมนติก เช่น เพื่อชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิส, เข้าชมโบสถ์ซานมาร์โค, ช๊อปปิ้งสินค้าของที่ระลึก อาทิเช่น เครื่องแก้วมูราโน่,หน้ากากเวนิส หรือนั่งจิบกาแฟในร้าน Café Florian ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1720 หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเวโรน่า (Verona) เมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากเวนิสของแคว้นเวเนโต้ และเมืองเวโรน่ายังได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกเมื่อปี คศ. 2000 อีกทั้งวิลเลียม เชกสเปียร์ นักกวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษและของโลกยังใช้บรรยากาศและเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวสองตระกูลในเวโรน่า แต่งเป็นละครโศกนาฏกรรมขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1595 เรื่อง โรมิโอกับจูเลียต |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
นำท่านเดินชมอาคารบ้านเรือนสีสดใสสวยงาม จัตุรัสกลางเมืองที่คึกครื้นมีชีวิตชีวา จากนั้นพาท่านถ่ายรูปกับโรงละครโรมันกลางแจ้ง (Verona Arena) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก สร้างขึ้นเมื่อตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 1 โดยมีลักษณะเช่นเดียวกับโคลอสเซียมในกรุงโรม เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการเปิดแสดงโอเปร่าหรือคอนเสิร์ตกลางเเจ้งในสนามกีฬาอยู่เป็นประจำ นำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับบ้านเลขที่ 23 ของจูเลียต ชมระเบียงแห่งเรื่องราว โรแมนติกที่จูเลียตเฝ้ารอคอยพบโรมิโอทุกค่ำคืน และบริเวณหน้าบ้านยังมีรูปปั้นสำริดขนาดเท่าตัวจริงของจูเลียต | |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองมิลาน (Milan) เมืองที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นของโลก นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารแห่งเมืองมิลาน (Duomo di Milano) ที่สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอโกธิค ที่ผสมผสานกัน เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ชมแกลเลอรี วิคเตอร์ เอ็มมานูเอล (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่นับว่าเป็นชอปปิ้งมอลล์ที่สวยงาม หรูหราและเก่าแก่ที่สุดในเมืองมิลาน อนุสาวรีย์ ของกษัตริย์วิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 ผู้ริเริ่มการรวมชาติหัวเมืองต่างๆในอิตาลี และอนุสาวรีย์ของศิลปินชื่อดังในยุคเรเนซองส์อีก 1 ท่าน คือ ลิโอนาร์โด ดาร์วินซี่ ที่อยู่ในบริเวณด้านหน้าของโรงละครสกาล่า |
ค่ำ | อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเบอร์กาโม (Bergamo) หนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของแคว้นลอมบาร์เดีย ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยยูเนสโก้ ซึ่งในอดีตเคยเป็นถิ่นฐานของชนเผ่าเซลติกส์ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในเมืองของอิตาลีเพียงไม่กี่แห่งที่รอดพ้นจากภัยพินาศครั้งใหญ่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
เดินทางสู่เมืองทิราโน่ (Tirano) ของประเทศอิตาลี เมืองเล็กๆ อยู่ในแคว้นเวทตินทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เป็นเมืองชายแดนระหว่างประเทศอิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นเดินทางสู่ สถานีรถไฟเมืองทีราโน่ เพื่อนำท่านเดินทางโดยรถไฟ Bernina Express เป็นรถไฟสายเก่าแก่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ โดยสารชมวิวแบบพาโนราม่า ผ่านเขตใจกลางเทือกเขาแอลป์ ที่มีหิมะปกคลมตลอดทั้งปี ผ่านหุบเหว สำาธาร โตรกผา อุโมงค์ 55 แห่ง และสะพาน 196 แห่ง ถือว่าเป็นเส้นสายรถไฟที่วิวทิวทัศน์สวยที่สุดในโลก นำท่านเดินทางสู่สถานีกระเช้าสู่ ยอดเขาดิอาโวเลซซา ยอดเขาที่ถือเป็นไข่มุกเม็ดงามแห่งที่ราบสูงแองเกอดินแคว้น Graubünden แอ่งเทือกเขาบนความสูง 2,958 เมตรที่เป็นสกีรีสอร์ท นำท่านชมวิวความสวยงามของยอดเขาแอล์ปตะวันออก ที่มียอดเขาที่สวยงามอยู่รวมกันมากมาย เช่น ยอดเขาพิซ เบอร์นิน่า (Piz Bernina Peak), โครวาทส์ซ (Corvatsch) | |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา |
บ่าย | เดินทางสู่เมืองเซ้นต์ มอริทซ์ (St.Moritz) ด้วยรถไฟท่องเที่ยวสาย Bernina เมืองตากอากาศที่แพงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ศูนย์กลางกีฬาสกีที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเคยได้รับเลือกให้เป็นสถานที่แข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดู หนาวถึง 2 ครั้ง ตั้งอยู่บนยอดที่สุงที่สุดของเทือกเขาแอลป์ ชมความงดงามของทะเลสาบ จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่สวยงามราวกับเทพนิยายตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้ว เมืองนี้ยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำจึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลกมากมายมาเยือน ท่านอาจจะเห็นซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง จนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
นำท่านชมโบสถ์เซนท์ออสวอร์ล (St Oswald’s church) โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของเมือง ตัวโบสถ์สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1478 ใช้เวลาการก่อสร้างนานถึง 6 ปี ถือเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดในช่วงโกธิคตอนปลายแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ ชาวสวิสยังมีความเชื่ออีกว่า ถ้าใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใดๆ หรือเจ็บป่วย ถ้าได้มาขอพรกับโบสถ์แห่งนี้ จะช่วยบรรเทาให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว (กรณีถ้ามีพิธีภายในโบสถ์ อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชม) นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศัตวรรตที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ และไม่ควรพลาดเค้กเชอร์รี่ Zug Cherry Cake (Zuger Kirschtorte) จากร้าน Speck เค้กที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีขายมากว่าร้อยปี มีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายต่างเคยลิ้มลองเค้กจากร้านนี้ เช่น Charlie Chaplin, Winston Churchill หรือสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยเมืองซุกนี้มีการทำฟาร์มผลไม้ ทั้งสตอเบอร์รี่, บูลเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่,ลูกแพร์ ฯลฯ รวมทั้ง เชอร์รี่ ที่มีปลูกมากกว่า 40,000 ต้น
จากนั้นเดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา จากนั้นพาท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน จากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น |
|
กลางวัน | อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย |
บ่าย | นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองชาฟฟ์เฮาเซิน (Schaffhausen) เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางเหนือของสวิตเซอร์แลนด์ติดกับพรมแดนเยอรมนี โดยสถาปัตยกรรมของบ้านเรือนในเมืองนั้นตกแต่งด้วยศิลปะแบบเรเนอซองซ์และศิลปกรรมแบบเฟรสโกรวมกับภาพวาดตามผนังของอาคารต่างๆที่บอกเรื่องราวของชาวเมืองอย่างสวยงาม นอกจากนั้นแล้วเมืองนี้ยังมีชื่อเสียงจากการที่เป็นที่ตั้งของน้ำตกไรน์ (Rhine Fall) ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นำท่านชมน้ำตกไรน์ (RhineFall) น้ำตกที่ใหญ่สวยงามและตื่นตาตื่นใจซึ่งเกิดจากแม่น้ำไรน์ทั้งสายไหลผ่านหน้าผากว้าง 150 เมตร จึงเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปและได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในยุโรปกลางด้วย อิสระให้ท่านได้ชื่นชมความงามของน้ำตกและถ่ายรูปตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางเที่ยวเมืองซูริค (Zurich) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumunster abbey) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 853 โดยกษัตริย์เยอรมันหลุยส์ ใช้เป็นสำนักแม่ชีที่มีกลุ่มหญิงสาวชนชั้นสูงจากทางตอนใต้ของเยอรมันอาศัยอยู่ นำท่านสู่จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ (Paradeplatz) เป็นจัตุรัสเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันเป็นชุมทางรถรางที่สำคัญของเมืองและยังเป็นศูนย์กลางการค้าของย่านธุรกิจ ธนาคาร สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อิสระให้ท่านได้เดินชมเมือง ถ่ายรูปและเลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย |
ได้เวลาอันสมควรนำเดินทางสู่สนามบิน เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำการคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน | |
21.55 น. | ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสารเที่ยวบินที่ EK86 |
07.10 น. | เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง |
09.30 น. | ออกเดินทางต่อสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบินที่ EK372 |
18.40 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ |
- ราคานี้รวม
- ราคานี้ไม่รวม
- หมายเหตุ
- ค่าตั๋วเครื่องบิน ชั้นประหยัด ( Economy Class) ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมคณะ (ในกรณีมีความประสงค์ อยู่ต่อ จะต้องไม่เกินจำนวนวัน และอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสายการบิน)
- ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
- ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ
- ค่าห้องพักในโรงแรมตามที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า
- ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
- ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ
- ค่าประกันภัยการเดินทางรายบุคคล (หากต้องการเงื่อนไขกรมธรรม์สอบถามได้จากเจ้าหน้าที่)
– ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในระหว่างการเดินทางวงเงินไม่เกินท่านละ 1,000,000 บาท
– ค่ารักษาพยาบาลในกรณีเกิดอุบัติเหตุวงเงินไม่เกินท่านละ 500,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
** ลูกค้าท่านใดสนใจ…ซื้อประกันการเดินทางสำหรับครอบคลุมเรื่องสุขภาพสามารถสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมกับทางบริษัทได้ **
– เบี้ยประกันเริ่มต้น 341 บาท [ระยะเวลา 4-6 วัน]
– เบี้ยประกันเริ่มต้น 395 บาท [ระยะเวลา 7-10 วัน]
**ความครอบคลุมผู้เอาประกันที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด ถึง 85 ปี ** [รักษาพยาบาล 2 ล้าน, เสียชีวิตหรือเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุ 1.5 ล้านบาท] - ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (เฉพาะค่าบริการ)
- ค่าธรรมเนียมการจัดทำหนังสือเดินทาง
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่าน้ำหนักเกินจากทางสายการบินกำหนดเกินกว่า 25 ก.ก., ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น
- ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้นราคา
- ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง
- ค่าธรรมเนียมวีซ่าประเทศอิตาลี รวมค่าบริการยื่นวีซ่า (6,900.-บาท)
- ค่าทิปพนักงานขับรถและไกด์ท้องถิ่น (13 EUR/ต่อท่าน)
- ค่าทิปมัคคุเทศก์จากเมืองไทย (24 EUR/ต่อท่าน)
ราคาทัวร์ข้างต้นยังไม่รวมค่าทิปมัคคุเทศน์ท้องถิ่นและคนขับรถรวม 13 EUR /ท่าน/ทริป
ราคาทัวร์ข้างต้นยังไม่รวมค่าทิปหัวหน้าทัวร์ที่ดูแลคณะจากเมืองไทย 24 EUR/ท่าน/ทริป
***โปรแกรมอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของสภาพอากาศและฤดูกาล***